| |||
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/28415.html |
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
แผ่นแปะ แก้สมองเสื่อม
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
รู้ทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์
| |||
ที่มา:http://variety.teenee.com/foodforbrain/28756.html |
คติเตือนใจ
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
เตือนแป้งพับก็อปปี้แบรนด์เนมชื่อดังเสี่ยงมะเร็ง
| |||
| |||
|
ผลวิจัยล่าสุด จากยาคูลท์
|
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วืธีทำไข่เจียวตามหลักวิทยาศาสตร์
1. จุดประสงค์ของการทำไข่เจียวก็คือ ทำไข่ให้ฟูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นไข่กวน
2. ทางวิศวกรจึงได้คิดค้นหลักการฟูไข่ ด้วยการเติมน้ำลงไปเล็กน้อย ในอัตราส่วน น้ำ 12.865 cc ต่อไข่ไก่มวล 2.86792 กรัม หรือประมาณ 2.653 ฟอง
3. หลังจากการตีไข่ด้วยเครื่องปั่นที่ความเร็ว 1200 รอบต่อวินาที เป็นเวลา 1 นาที หรือถ้าตีด้วยส้อมก็จะใช้ความเร็ว 2608.50 ทีต่อชั่วโมง เพื่อให้อะตอมของน้ำ แทรกซึมเข้าไปในอนูของไข่อย่างเต็มที จากนั้นรีบเทส่วนผสมลงไปในน้ำมันร้อนๆ ที่ที่กำลังเดือดปุดๆ ณ อุณหภูมิประมาณ 1250.75 องศาฟาเรนไฮท์
4. ที่อุณหภูมิขนาดนั้น จะทำให้อะตอมของน้ำ ทำปฏิกิริยาคาโรแดนโนโทรฟี่ไดแอ็คโครโรซีนิกส์
กับน้ำมัน ทำให้อะตอมของน้ำเกิดการระเหยอย่างฉับพลันหรือที่
เรียก กันว่าแอนฟี่ไออ้อน ไตรแซ็คนีเฟียส ทันที่มีอะตอมของน้ำระเหย จะดันอะตอมของไข่ไปรอบๆ ตัวมัน ผลก็คือ เกิดการพองเป็นเม็ดๆ ไปทั่วไข่
5. การพองดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเยี่ยงปฏิกิริยานิวเคลีย ทำให้ไข่ฟูฟ่องเต็มกระทะ
น่ากินยิ่งนัก
6. ผลการทดลองสำเร็จไปด้วยดี แต่... มันได้เกิดผลข้างเคียงจากการผสมน้ำลงไปในไข่ นันคือเกิดแกสอโลม่าซานโฟนิออสโพรฟิเนคีติ ซึ่งค่อนข้างมีกลิ่นหืนเล็กน้อย ทางวิศวกรจึงได้เติมน้ำมะนาวลงไป 5.006 cc หรือ 1/6 ผล
7. ผลปรากฏว่า ไข่เจียวมีกลิ่นหอมน่าทานเป็นยิ่งนัก จึงได้มีการเผยแพรเคล็ดลับนี้ตามสถานีข่าวและเว็บไซต์ชั้นนำของโลก จนเป็นที่กล่าวขวัญมาจวบจนทุกวันนี้
(i don't know who's he but he told more) *** ...... ยังไม่อร่อยหรอกครับ.. เชื่อผม
การเทไข่จากภาชนะที่ตีลงกระทะนั้น
จะต้องคำนวนความสูงให้พอดี... ความเร็วขณะไข่ประทะน้ำมันขณะร้อนนั้นจะต้องอยู่ที่ 2.124 m/s พอดิบพอดี
และการที่ไข่ประทะน้ำมันที่ร้อนนั้น อาจจะเกินพลังงานส่วนเกิน ทำให้พลังงานความร้อนในน้ำมันเพิ่มขึ้นได้
จึงต้องลดมือลงด้วยความหน่วง รู้ด2.5 m/sสแควร์ เพื่อรักษาพลังงานในน้ำมันให้คงที่... ไม่ให้ร้อนเกินไปครั
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เตือนโทรไม่ติดวางสายก่อน 6 วิ ไม่งั้นเสียเงิน

สบท.ออกเตือน ผู้บริโภค วางสายโทรศัพท์ภายใน 6 วินาที หากเข้าฝากข้อความ ไม่งั้นจะถูกคิดค่าบริการ
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ออกมาเปิดเผยว่า การให้บริการโทรศัพท์มือถือนั้น จะมีบริการรับฝากข้อความเสียง (Voice Mailbox) อยู่ด้วย ซึ่งการให้บริการดังกล่าวนี่เองที่ผู้บริโภคต้องศึกษาทำความเข้าใจก่อนใช้บริการ
เนื่องจากหากผู้ที่โทรเข้าไม่สามารถติดต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะปิดเครื่อง, ไม่มีสัญญาณ , คู่สายไม่ว่าง หรือ ตัดสายทิ้ง ระบบก็จะโอนเข้าสู่บริการรับฝากข้อความเสียง ซึ่งจากการตรวจสอบการให้บริการโทรศัพท์มือถือนั้น พบว่าจะมีหน่วงเวลาสำหรับผู้โทรเข้าอยู่ประมาณ 6 วินาที หลังจากประโยคว่า "กรุณาฝากข้อความของท่าน หลังได้ยินเสียงสัญญาณ" เพื่อให้วางสายได้ทันหากไม่ต้องการฝากข้อความ ซึ่งผู้ให้บริการ 3 รายใหญ่นั้น ดีแทค และ ทรูมูฟ ยังคงมีหน่วงเวลา 6 วินาที สำหรับผู้บริโภคอยู่ แต่ของ เอไอเอส นั้น จะคิดค่าบริการทันทีที่ระบบอัตโนมัติกล่าวจบประโยค
โดยการคิดค่าบริการนั้น ผอ.สบท.กล่าวว่า ทางผู้ให้บริการจะมีการคิดค่าบริการตามโปรโมชั่นที่ผู้โทรเข้าใช้งานอยู่ ขณะที่ผู้รับสายก็จะเสียค่าบริการเช่นกัน หากเปิดฟังวอยซ์เมล ที่มีคนฝากข้อความเสียงเอาไว้ โดยจะคิดค่าบริการตามโปรโมชั่นที่ใช้งานอยู่เช่นกัน ยกเว้นผู้ใช้บริการในเครือข่าย ทรูมูฟ ที่จะเสียค่าบริการสำหรับลูกค้าระบบเติมเงินนาทีละ 4 บาท และระบบรายเดือน นาทีละ 3 บาท
ผู้ใช้ BB โล่ง ไอซีที ยันไม่ขัด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
BlackBerry
หลังจากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้มีการหารือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารb(ไอซีที) ถึงผลกระทบการใช้ โทรศัพท์มือถือ BlackBerry (BB) เพราะมีโปรแกรมส่งข้อความแชทถึงกัน หวั่นเกิดการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 เนื่องจากมีการเก็บทราฟฟิกการจราจร หรือ log file ไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ ของบริษัท รีเสิร์ช อินโมชั่น (RIM) ที่ประเทศแคนาดานั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอารีย์ จิวรรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงไอซีที เปิดเผยว่า การใช้ BlackBerry ยังไม่ขัดกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 เนื่องจากผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย อย่างเอไอเอส ดีแทค หรือ ทรูมูฟ ได้มีการเก็บทราฟฟิกการใช้งานไว้แล้ว สามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละ pin ใช้งานไปที่ไหน ณ เวลาใด
ทั้งนี้ หากพบว่ามีผู้กระทำความผิดก็สามารถติดตามได้ โดยต้องการตรวจสอบถึงเนื้อความที่คู่กรณีสนทนาระหว่างกัน จะต้องขอความร่วมมือไปยังบริษัท RIM แต่ตอนนี้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2550 ยังไม่มีผลบังคับใช้กับผู้ให้บริการที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งกรณีนี้คงต้องสอบถามไปยังหน่วยงานความมั่นคงว่า มีกฎหมายอื่นๆ เกี่ยวกับความมั่นคง ครอบคลุมไปถึงส่วนนี้หรือไม่
ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/51387
สถิติของจริง ขำ ขำ นะ
2. ถ้าคุณตดอย่างต่อเนื่องนาน 6 ปีกับ 9 เดือน แก๊สที่ได้จะเทียบเท่าระเบิดปรมาณูลูกนึงเลยทีเดียว (ใครจะไปตดนานขนาดนั้น)
3. หัวใจมนุษย์มีแรงดันพอที่จะสามารถสูบฉีดเลือดได้ไกลถึง 30 ฟุต
4. หมูจะมีช่วงถึงจุดสุดยอดนานถึง 30 นาที (ชาติหน้าชักอยากเกิดเป็นหมูแล้วสิ)
5. แมลงสาบจะมีชีวิตอยู่ได้นาน 9 วันโดยไม่มีหัว! ..ก่อนที่จะตายเพราะขาดอาหาร
6. โขกหัวเข้ากับกำแพงจะใช้พลังงาน 150 แคลอรี่ต่อชั่วโมง (อาจลองดูที่ทำงานก็ได้นะ)
7.ตั๊กแตนตำข้าวตัวผู้ไม่สามารถร่วมเพศได้ขณะที่ยังมีหัวอยู่ ..ตัวเมียจะเริ่มการมี SEX โดยตัดหัวตัวผู้ออก ......... (ในสารคคีตัวเมียจะแทะหัวตัวผู้ เมื่อร่วมเพศเสร็จ ตัวผู้ก็จะตาย)
8. ปลาดุก มีตุ่มรับรสถึง 27,000 ตุ่ม (ก้นสระมันมีรสชาติอะไรกันนักหนานะ? ถึงจำเป็นต้องมีเยอะขนาดนั้น)
9. สิงโตบางตัวจะร่วมเพศถึง 50 ครั้งต่อวัน ( ยังไงก็ยังชอบหมูอยู่ดี ...คุณภาพอยู่เหนือปริมาณ)
10. ผีเสื้อรับรสที่ปลายเท้า (เป็นอย่างนึงที่สงสัยมานานแล้วว...)
11. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
12. คนถนัดขวาจะมีอายุโดยเฉลี่ยมากกว่าคนถนัดซ้ายอยู่ประมาณ 9 ปี
(ถ้าคุณเป็นคนถนัดทั้ง 2 ข้าง ช่วยบอกความแตกต่างหน่อยได้ไม๊)
13. ช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ไม่สามารถกระโดดได้ (ดีแล้วแหละ..)
14. ปัสสาวะแมวจะเรืองแสงใต้แสง Black Light (ใครนะช่างสงสัยจริง)
15. ตาของนกกระจอกเทศใหญ่กว่าสมองของมันเอง (บางคนก็ชอบให้คนข้างๆเป็นแบบนี้แฮะ)
16. ปลาดาวไม่มีสมอง (บางคนก็ชอบแบบนี้มากกว่าข้างบน)
17. หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ถนัดซ้าย (ถ้ามันหัดใช้มือขวาคงมีอายุยืนขึ้นอีกหน่อยนะ...555)
18. มนุษย์และปลาโลมาเป็นสัตว์กลุ่มเดียวที่มี SEX เพื่อความสุขความพอใจ (อ้าว แล้วหมูล่ะ!?)
19. ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และมากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่อพวกเธออยู่ที่สระว่ายน้ำ
20. ชื่อโหลที่สุดหาใช่ "จอร์จ" หรือ "ซาร่าห์" ไม่ แต่เป็น "โมฮัมเหม็ด" ต่างหาก
21. คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
22. เวลาปลาหมึกยักษ์หิวจัดเอามากๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และรู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตาใหญ่ที่สุดในโลก
23. แมงมุมแม่หม้ายดำซึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุมตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วย ร้ายกาจมากกกกก!
24. เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรซ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
25. ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
26. การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามันไม่สวมกางเกง ฮ่า ฮ่า...
27. โดยเฉลี่ยแล้ว มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง
ก็เวลาที่มันคลานเข้าไปในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง
อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่าคนส่วนใหญ่น่ะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายซะอีก
28. ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านขวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป 29. ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ชายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
30. คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถพับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูซิ
31. ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
32. คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงจะกลืนกินพลาสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
33. ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์เชียวนะ
34. เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะจามทั้งๆดวงตายังเปิด
35. เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้นไม่เคยหยุดการเจริญเติบโตเลย!
36. วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้าเป็นคนกลัวหนูจะตายไป
37. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดูเป็นรูปใบหน้ายิ้ม
38. ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
v v
v v
39. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้ พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง กับ พับกระดาษ!! 555
11 เรื่องปรุงแต่งความงานที่ควรใส่ใจ

ถึงคุณจะดูแลความงามเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่การทำแต่สิ่งเดิม ๆ ซ้ำซากอยู่ชั่วนาตาปีก็อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป ตราบเท่าที่ทุกสิ่งรอบตัวคุณ และแม้แต่ในตัวคุณเองก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณก็จะเป็นต้องคอยเติมความสดใหม่ให้การดู และงามของคุณอยู่เรื่อย ๆ เราได้รวบรวม 11 เรื่องของการดูแล และปรุงแต่งความงามที่คุณควรใส่ใจ และปรับเปลี่ยนมันซะบ้าง...นะ

ทำไมน่ะเหรอ? อ้าว ก็คุณแน่ใจแล้วหรือว่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของตัวแล้ว จริง ๆ มีผู้หญิงจำนวนมากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่เหมาะกับผิวตัวเอง เพราะพวกเธอคิดเอาเองว่า ผิวของเธอเป็นเช่นนั้น และความจริงอีกอย่างที่คุณมักจะลืมนึกถึงกันก็คือ มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อผิวของเรา เช่น อากาศ สภาพแวดล้อม อารมณ์ ฮอร์โมน หรือความเครียด
ซึ่งนั่นหมายความว่า ผิวของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คุณถึงต้องคอยพิจารณาผิวตัวเองเป็นระยะ เพื่อดูว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และควรปรับเปลี่ยนการใช้ผลิตภัณฑ์ยังไงบ้าง ให้เหมาะกับผิวอย่างแท้จริง
วิธีทดสอบ ลักษณะผิวแบบง่าย ๆ





ไม่จำเป็นต้อง เข้าสปาเพื่อได้รับการปรนนิบัติผิวหน้าเสมอไป เพราะคุณสามารถทำได้เองที่บ้านด้วยของจากครัวที่บ้าน เช่น ขัดหน้าด้วย เบกกิ้งโซดากับน้ำส้ม เพื่อขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป หรือบดมะละกอสุกให้ละเอียด แล้วพอกหน้า และอีกทางเลือกหนึ่งก็คือผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่สามารถซื้อใช้ได้จากเดาน์เตอร์ ที่ขาดไม่ได้ก็คือผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิว
ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับพอกผิวหรือมาส์กทั้งหลายแหล่ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็ม ความต้องการของผิวในแบบเร่งด่วน พร้อมกับช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย

เป็นเรื่องปกติ ที่ผิวของเรามักจะมีปัญหาผิวอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาที่คุณเป็นกังวลพิเศษ เพราะฉะนั้นอย่าลืมใส่ใจ และเรียนรู้ความต้องการของผิว รวมถึงใส่ใจ และเรียนรู้เรื่องของส่วนผสมต่าง ๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผิวให้ดีด้วยล่ะ





และจำไว้ ด้วยว่า...





จะตัด ดัด หรือย้อมก็ง่าย ๆ แค่นี้เองสำหรับการสร้างความสดใสให้แก่ผู้หญิงเรา เพราะบ่อยครั้งที่คนเรามักจะติดอยู่กับผมทรงเดิม ๆ ทรงเดียวผู้หญิงบางคนอาจไว้ผมยาวตรงมาตลอดชีวิต หรือไม่เคยดัดผมเลย คุณควรลองผมใหม่ ๆ ดูบ้างนะ คุณไม่มีวันรู้หรอก คุณอาจจะชอบผมสั้นชี้ ๆ หรือผมบ็อบแบบเลเยอร์ก็ได้ การตัดผมยังเป็นการตัดปลายผมส่วนที่มักจะแห้งเสียได้ง่ายออกไป ทำให้เหลือแต่เส้นผมส่วนที่แข็งแรงและดูดีกว่า
และเลิกกลัวว่า การดัดหรือย้อมสีผมจะทำให้ผมเสียได้แล้ว ผลิตภัณฑ์เดี๋ยวนี้ล้วนแต่ถูกพัฒนาขึ้นให้อ่อนโยนต่อเส้นผมมากขึ้น พร้อมทั้งยังเพิ่มเติมส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผมเข้าไปอีก นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผมดี ๆ อีกมากมายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยดูแลผมที่ผ่านกระบวนการเคมี ทั้งหลายให้คุณเลือกใช้ในท้องตลาดมากมาย ก็เลือกชนิดของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของเส้นผม
คุณก็จะสามารถสนุกกับการเปลี่ยนแปลงของทรงผมได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับรู้สึกเป็นคุณคนใหม่ได้ทุกสามเดือน (ซึ่งเป็นเวลาที่คุณควรตัด หรือเล็มผม ไม่ว่าจะเปลี่ยนทรงหรือไม่ก็ตาม) เลยล่ะ

อย่าเพิ่งคิด ว่าไม่เกี่ยวกัน การเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้โลหิตสูบฉีดมายังผิว และนำพาสารอาหารมาหล่อเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น ผิวจึงดูสดใส เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์ จงทำให้การออกกำลังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่แค่สิ่งที่นาน ๆ ทำครั้งหนึ่ง โดยตั้งเป้าบริหารความแข็งด้วยการยกน้ำหนัก (มันเร่งการเผาผลาญของคุณ) 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และออกกำลังแบบคาร์ดิโอ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง

เราพูดเสมอว่า คิ้วที่ตกแต่งอย่างดี และสุดนี้ยบ เป็นกรอบที่ขับเน้นให้ใบหน้าดูคมชัด และทำให้หน้าของคุณดูสวยขึ้นทันที แม้จะยังไม่ได้แต่งเติมสีสันอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นคอยสำรวจรูปคิ้วของคุณเสมอ และใช้แหนบถอนขนคิ้วที่รุงรังออกนอกเส้นทางออก แต่อย่าถอนขนคิ้วมากเกินไปล่ะ คิ้วที่เขียนใหม่ทั้งหมด ยังไงก็สวยสู้คิ้วเดิม ๆ ของคุณที่แต่งเติมสีสันเพิ่มเติมเข้าไปไมได้ หรอก

คุณจัดระเบียบเครื่องสำอางของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? ถ้าต้องคิดอยู่นานก่อนจะตอบเนี่ย ก็เริ่มลงมือจัดโต๊ะเครื่องสำอางของคุณใหม่ได้แล้ว!




แน่นอนว่าสีกลาง ๆ มักใช้ได้ง่ายสำหรับผู้หญิงแทบทุกคน และเราก็มักจะพอใจกับความปลอดภัยเช่นนั้นเสียจนติดหล่มอยู่กับสีสัน อันน่าเบื่อชั่วตาปีตาชาติ แฟชั่นมีมาใหม่ทั้งปี แล้วคุณก็ซื้อเสือผ้าใหม่ ๆ ทุกซีซั่นไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ซื้อเมกอัพสีสันใหม่ ๆ ดูบ้างล่ะ? ตอนนี้ลิปสติกสีคอรัลกำลังมาแรง เช่นเดียวกับอายแชโดว์สีสดใส ถ้าใจไม่กล้าพอ ลองใช้สีพาสเทลดูมันทำให้สีสันสดใสดูอ่อนหวานขึ้น และใช้ได้ง่ายสำหรับผู้หญิงทุกคนเลยทีเดียว

นี่เป็นเครื่อง มือชิ้นสำคัญอีกอย่างสำหรับ “ตอนนี้” ที่จะทำให้คุณดูดี และทันสมัยโดยไม่ต้องแต่งหน้ามากเลย หรือถ้าคุณทาอายแชโดว์การเขียนขอบตาก็จะยิ่งทำให้สีสันที่คุณแต่ง เอาไว้ดูดียิ่งขึ้น แต่ข้อสำคัญก็คือ เลิกยืดติดกับการเขียนขอบตาด้วยอายไลเนอร์สีดำแต่ เพียงอย่างเดียวเสียที! สีเข้มขรึมอย่างอื่นที่ไม่ใช่สีดำ เช่น สีม่วงเข้ม สีน้ำเงินขรึม สามารถขับเน้นดวงตาให้ดูคมขัดขึ้นได้เช่นเดียวกับสีดำ หรืออาจจะสวยกว่าสีดำเสียด้วยซ้ำ
และคุณก็ไม่จำ เป็นต้องไปหาซื้ออายไลเนอร์สีสันมาใช้เสมอไป ลองใช้อายแชโดว์สีเข้ม หรือสีสดใสที่คุณมีอยู่สำหรับเขียนขอบตา หากอยากให้สีสดชัด และเนื้อลื่นเขียนง่ายขึ้น จุ่มแปรงลงในน้ำเล็กน้อย ก่อนแตะลงบนอายแชโดว์ น้ำจะช่วยให้สีสดขึ้น และเขียนได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะใช้ สีอะไร...อย่าแต่งหน้ามากไปล่ะ
คุณรู้ได้ว่า คุณแต่งหน้ามากไปถ้า...






ความงามที่แท้ จริงมาจากภายใน เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้คุณสบายใจมีความสุข และรู้สึกสงบเยือกเย็น ก็สามารถช่วยให้คุณดูดีขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะบ่อย ๆ
การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า การหัวเราะสามารถช่วยลดความดันโลหิต ทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ทำให้อารมณ์ดี๊-ดี แล้วก็ดูดีขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการมองโลกในแง่ดี การชื่นชมยินดีในสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณและรับเอาทุกอย่างโดย ปราศจากความคาดหวัง สนุกกับชีวิต ไปพร้อมกับการทำดีต่อคนอื่น การทำงานอาสาสมัคร การไปร่วมเดินรณรงค์ต่อต้านมะเร็ง หรือแม้แต่ไปช้อปปิ้งเพื่อบริจาคเงินให้การกุศล ทุกอย่างล้วนทำให้คุณรู้สึกดี และนั่นก็ทำให้คุณดูดีตามไปด้วย

แปรงและอุปกรณ์ แต่งหน้าทั้งหลายเป็นเครื่องมือจำเป็น ที่จำช่วยให้คุณแต่งหน้าได้สวยงามอย่างต้องการแปรงดี ๆ จะช่วยให้การเกลี่ยสีง่ายขึ้นและนวลเนียนดูเป็นธรรมชาติ แปรงดี ๆ อาจมีราคาแพง แต่มันสามารถใช้งานได้ดีและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
แต่ข้อสำคัญก็คืออย่าลืมล้างแปรงแต่งหน้าของคุณเป็นประจำด้วยล่ะ คราบสกปรกที่ติดอยู่อาจเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย และทำให้เกิดอาการระคายเคืองบนผิวหน้าได้ เพราะฉะนั้นกดปุ่ม “Refresh” ให้กับแปรงแต่งหน้าของคุณเป็นประจำสม่ำ เสมอด้วยล่ะ