| วันนี้ เรามีคำตอบ มาช่วยให้ทุกท่านไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในวงการไซเบอร์ และฉลาดในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ 
 1. ผู้บริโภคจะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าชนิดนี้ดีจริงเหมือนที่โฆษณา ?
 คำตอบง่ายๆ คือ ไม่มีใครตอบได้ว่าสินค้านั้นดีจริง จนกว่าจะได้ลองใช้ด้วยตนเองค่ะ เพราะผิวหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน  เพื่อนเราใช้ดี เรามาใช้ตามเพื่อนอาจไม่ดีแบบที่เพื่อนบอกก็ได้  ยี่ห้อที่เพื่อนแพ้เรามาใช้งานอาจหน้าเด้งไปเลยก็มี ดังนั้น ความคาดหวังว่าจะใช้ให้เห็นผลดี  ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพผิวหน้าของแต่ละคน  การใช้ครีมอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง  วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง  “หน้าขาวใน7วัน” , “รักษาสิว ฝ้า หายขาด” ,“เปลี่ยนสีผิวถาวร” ,  “ได้ผล100 %”  เนื่องจากเป็นลักษณะต้องห้ามประกาศโฆษณาของทาง อย.มีความผิดตามกฏหมาย เพราะเครื่องสำอางไม่ใช่ยาจึงไม่มีผลในการรักษา  และในกรณีเปลี่ยนสีผิวก็ไม่เป็นความจริงเพราะพื้นฐานผิวคนเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงเมลานินที่มาแต่กำเนิดได้ โฆษณาดังกล่าวจึงเข้าข่ายหลอกลวงพึงระลึกอยู่เสมอว่า เครื่องสำอางที่ดี  คนขายที่มีจรรยาบรรณจะไม่ใช้คำทำนองว่า
 
 2. ซื้อของทางอินเตอร์เนตจะได้ของจริงหรือเปล่า?  จะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ถูกหลอก?
 
 ปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่ใช้ช่องทางทางอินเตอร์เนตในการหลอกลวงอยู่มาก เราจะพบเห็นข่าวได้บ่อยๆ ว่ามีผู้ถูกหลอกให้ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เนต เมื่อโอนสตางค์เสร็จกลับไม่ได้ของที่สั่งซื้อ โทรตามติดต่อไม่ได้ ปิดเว็บหนีไป   หรืออาจได้ของที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ตรงกับที่ตกลงไว้  แล้วไม่รู้จะตามหาคนขายที่ไหน  สิ่งที่สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจสั่งซื้อได้ คือ
 2.1 ให้ดูความน่าเชื่อถือว่าเว็บไซท์นั้นมีคนเข้ามาใช้งานนานหรือยัง  ดูจำนวนคนเข้า วันที่เปิดใช้งานที่หน้าแรก (เว็บไซท์ขายของออนไลน์มาตรฐานทั่วไปจะมีข้อมูลเหล่านี้แสดงอยู่)  บางเว็บไซท์มีรูปผู้ใช้งานจริง มีการถามตอบอัพเดทตลอดทุกวัน ก็แสดงถึงความนิยมของผู้ใช้งานและความใส่ใจจากคนขาย  หากเป็นเว็บที่ไม่มีการอัพเดทข้อมูล ข้อมูลที่อัพเดทล่าสุดแสดงไว้เมื่อหลายเดือนก่อนก็ให้สันนิษฐานว่าไม่มีการดูแลจากเจ้าของเว็บหรือคนขายไซท์เลย ( แต่ก็อย่าประมาทนะจ๊ะ เพราะมีโปรแกรมเปลี่ยนตัวเลขจำนวนคนเข้าให้ดูเยอะๆน่าเชื่อถือได้เหมือนกัน)
 
 trust ที่ปรากฏอยู่ที่หน้าเว็บไซท์ หรืออาจลองสอบถามข้อมูลว่าคนขายนั้นมีการจดทะเบียนการค้าพาณิชย์ถูกต้องหรือไม่ ขอดูเอกสารราชการผ่านทางอีเมลเพราะหากเขามีความจริงใจแก่ผู้บริโภคก็จะจดทะเบียนแสดงข้อมูลตัวตนได้ และไม่กลัวที่จะแสดงเอกสารให้คุณทราบ   หรืออาจสอบถามว่ามีการจดทะเบียนบริษัทหรือไม่ เพราะผู้ขายที่มุ่งทำการค้าอย่างจริงจัง มีที่อยู่หลักแหล่งเชื่อถือได้แน่นอน จะจดทะเบียนบริษัท ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในกรณีที่ต้องการสอบถามปัญหาการใช้งานก็สามารถติดตามได้ไม่ยาก  หากเว็บไซท์ใดไม่ลงชื่อที่อยู่บริษัท หรือที่อยู่ประกอบการเลย  มีแต่เบอร์มือถือก็สันนิษฐานได้ว่าอาจไม่มีตัวตนอยู่จริง และไม่มีความจริงใจในการเปิดเผยแหล่งที่อยู่ของตน2.2 ปัจจุบันเว็บไซท์ที่ทำการค้าจดทะเบียน ขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือต้องลงทะเบียนเปิดเผยข้อมูลตัวตนในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  อาจสังเกตที่เครื่องหมายถูก
 ถามคนขายเลยค่ะว่ามี อย ไหม เครื่องสำอางทุกตัวแม้แต่ส่วนผสมสมุนไพรก็ต้องมี อย.ค่ะ ให้ตรวจสอบก่อนทุกครั้งว่าสินค้าผ่านการจดแจ้ง มีเลขทะเบียน อย จริงหรือไม่ เข้าไปดูตัวอย่างวิธีค้นว่าเครื่องสำอางไหนที่ได้รับอย.จากเว็บไซท์ของ อย.เอง ได้ที่ http://www.fujicream.com/customize-ความมั่นใจกับฟูจิ(full)-87826-1.html  เพื่อความแน่ใจ เชื่อตัวเอง เชื่อ อย.  อย่าเชื่อโฆษณาหรือบุคคลกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานค่ะ2.3สินค้าที่อ้างว่าใช้ดี เห็นผลไว เป็นคนละเรื่องกับการมี อย.
 
 | 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น